7 Steps วางแผนก่อนเสริมจมูก

7 ขั้นตอน วางแผนก่อนเสริมจมูก
เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้มาเจอบทความนี้อาจจะเคยผ่านประสบการณ์การเสริมจมูกมาก่อนหน้านี้แล้ว หรือบางท่านก็อาจจะยังไม่เคยเสริมจมูกมาก่อน และกำลังมองหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่า จะทำจมูกที่ไหนดี? แก้จมูกที่ไหนดี? ทำจมูกหมออะไรดี? ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่? แล้วจะต้องเตรียมตัวยังไง?....
ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้แปลว่าคุณมาถูกทางแล้วเพราะ บทความนี้จะช่วยคุณจัดระเบียบการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนให้กับคุณ ก่อนที่จะตัดสินใจไปปรึกษาหมอ หรือ เลือกหมอให้ถูกต้อง เพราะ 7 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณสามารถลดการสับสน เข้าใจหลักเกณฑ์ในการเลือกหมอและคลีนิค การบอกความต้องการที่ถูกต้องและแท้จริงให้กับหมอได้เข้าใจ พร้อมทั้งช่วยวางแผนการเสริมจมูกให้อยู่ในงบประมาณที่เราต้องการได้อีกด้วย
เสริมจมูกมาแล้ว เค้าจะอยู่ตรงกลางหน้าของเราตลอดเวลา ฉนั้นศึกษาและวางแผนก่อนทำ จะได้ไม่ชีช้ำกะหล่ำปลี
มาเริ่มทำความเข้าใจ 8 ขั้นตอนก่อนการเสริมจมูก ดังนี้:
- Step 1 เข้าใจจมูกตัวเอง
- Step 2 ทรงจมูก
- Step 3 เลือกวิธีการผ่าตัด
- Step 4 วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้เสริมจมูก
- Step 5 เทคนิคการเลือกหมอ
- Step 6 วางแผนค่าใช้จ่าย
- Step 7 การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกและหลังเสริมจมูก
#Step 1 - เข้าใจจมูกตัวเอง
การเข้าใจจมูกตัวเองเป็นข้อแรกที่เราควรต้องสำรวจและเข้าใจตัวเองก่อน จมูกของเราเป็นอย่างไรจมูกแบนจมูกเบี้ยวจมูกบานหรือจมูกมีฮัมพ์ แล้วเราอยากได้จมูกทรงไหน เราเป็นผู้หญิง เหมาะกับทรงไหน เราเป็นผู้ชาย เหมาะกับทรงไหน การเสริมจมูกครั้งนี้คือการเสริมครั้งแรกหรือว่าเป็นงานแก้ครั้งที่ 2 , 3 หรือที่ 4 ที่ผ่านมาเคยมีการฉีดสารเหลวต่างๆ ไปบ้างไหม ถ้าเคยคือเมื่อไหร่ แล้วสารเหลวดังกล่าวมันยังเหลือไหม ทำเข้าใจขั้นพื้นฐานโครงสร้างจมูกของเราว่าเรานั้นมีลักษณะจมูกพื้นฐานเป็นอย่างไรมีความโด่งอยู่แล้วบ้างเล็กน้อยหรือไม่ บริเวณจุดไหนที่ควรจะต้องแก้ไขมากที่สุด
ต้องการเสริมจมูกเพื่อความโด่งอย่างเดียว หรือลักษณะโครงสร้างของกระดูกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แม้กระทั่งเนื้อเยื่อของจมูกเราที่ควรจะต้องสำรวจทำความความเข้าใจก่อนว่าเราเป็นคนที่มีเนื้อจมูกมากน้อยเพียงใด ควรที่จะจดลิสออกมาเป็นข้อๆตามที่เรากังวล (Free ดาวน์โหลด Check list New Nose Plan)
ข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการชี้นำทาง การเสาะหาคุณหมอและเทคนิคที่ถูกต้องรวมถึงการประเมินค่าใช้จ่ายก่อนการตัดสินใจเสริมจมูกอีกด้วย
#Step 2 ว่ากันด้วยเรื่องทรงจมูก
เรื่องของทรงจมูกที่เราเคยได้ยินบ่อยๆ จากเพื่อน หรือ เว็บไซส์ต่างๆ มีอยู่มากมาย มีทั้งชื่อทรงบาร์บี้ มีทั้งชื่อทรงตั๊กแตน ทรงสโลปปลายพุ่ง ทรงปลายเชิด ทรงหยดน้ำ หรือแม้กระทั่งก็เรียกชื่อทรงผสมเทคนิคเสริม เช่นการตัดปีก ลดฐาน เหลาฮัมพ์จมูกเข้าไปอีก ถ้าจะให้ไปเก็บลิสชื่อเหล่านี้มาทั้งหมดน่าจะมีชื่อเกินกว่า 50 ชื่อ เป็นแน่
แต่ถ้าคุยกับหมอเกาหลี หรือ แม้กระทั่งหมอในไทยบางคน เค้าก็ไม่ได้เข้าใจนะว่าทรงที่เราบอกมันเป็นยังไงกันแน่ หมอเลยมักจะขอให้เอารูปตัวอย่างทรงจมูกที่อยากได้ มาโชว์ให้หมอดูประกอบการปรึกษาก่อนผ่าตัด
คำถามคือแล้วทำไมหมอไม่เข้าใจ โดยเฉพาะหมอเกาหลี หรือหมอต่างชาติ ก็เป็นเพราะว่าชื่อทรงเหล่านี้ เป็นชื่อที่ตั้งกันขึ้นมาเองในกลุ่มคนไทย กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ได้มีตำรา หรือมาตรฐานอะไรที่เขียนบันทึกชื่อเหล่านี้ไว้เลย
แนะนำว่า เพื่อให้เป็นสากลเข้าใจกันทุกหมอทุกประเทศ ควรจะสื่อสารเรื่องทรงแบบการอธิบายลักษณะไปตรงๆ พร้อมรูปประกอบเลยจะดีที่สุด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและลดการผิดพลาด เพราะการเสริมจมูกนั้นมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่เป็นเส้นบางๆ ระหว่างกัน
เมื่อจะอธิบายทรงจมูกที่ต้องการตามลักษณะ ควรเริ่มอธิบาย 3 ส่วนหลักๆ จากบนลงล่าง คือ
2.1.ส่วนสันจมูกระหว่างตา (รูป)
ส่วนนี้ต้องดูว่า เรามีสันจมูกบริเวณนี้อยู่บ้างแล้วไหม แล้วเราต้องการให้ส่วนนี้ สูงขึ้นอีกเยอะไหม ความสูงต่ำของบริเวณนี้ควรสอดคล้องกับความโค้งนูนของบริเวณหน้าผากเราอีกด้วย ตามหลักการ Golden Ratio ในบางเคสที่สันจมูกบริเวณนี้ไม่ได้มีปัญหามากในเรื่องความสูง แต่บริเวณนี้มีความกว้างมากเกินไป ก็จะมีเทคนิคการลดบริเวณนี้ด้วยการเพิ่มความสูงของสันจมูก ผสมกับการเปิดหัวตา เพื่อให้ลดพื้นที่ที่กว้างเกินไประหว่างสันจมูกบริเวณช่วงตาได้
2.2. ส่วนสันจมูกช่วงกลาง
ตรงส่วนนี้จะเป็นจุดที่เพิ่มสโลปความสูง ควรจะพิจารณาเรื่องความสูงโด่งในส่วนนี้ให้ดี หากใครที่มีปัญหาจมูกงุ้ม อยากได้จมูกปลายเชิดนั้น บริเวณนี้จะเป็นส่วนที่ควรเริ่มกำหนดความสูงเพื่อส่งระดับความสูงของปลายจมูก ซึ่งส่วนสันจมูกส่วนกลางจะเป็นจุดที่เชื่อมโยงการระบุทรงของปลายจมูกอีกด้วย
ข้อควรสังเกตุ1 : ควรสังเกตุว่า บริเวณสันจมูกส่วนกลางนี้ของเรานั้นมีปัญหากระดูกโค้งงอ นูนขึ้นมาหรือเปล่า ลักษณะแบบนี้มืชื่อเรียกว่าฮัมพ์ จมูก (Hump) หากมีปัญหาฮัมพ์ ก่อนเสริมจมูกควรจะต้องกำจัดทำให้เรียบเสียก่อน มิเช่นนั้นหากวางซิลิโคนลงไปจะทำให้เกิดอาการซิลิโคนลอยได้ และเป็นที่มาของซิลิโคนจมูกเบี้ยว หรือ การอักเสบ ได้ในอนาคต
ข้อควรสังเกตุ2 : บริเวณสันจมูกส่วนกลางเรานั้นมี ความกว้างมากเกินไปร่วมด้วยหรือไม่ หากมีฐานจมูกที่ใหญ่ควรจะต้องปรับทรงกระดูกให้เข้าพอดีกับรูปหน้าประกอบด้วยเช่นกัน ก่อนการวางวัสดุเสริมจมูก
2.3 ส่วนปลายจมูก
ให้พิจารณาว่าเราอยากได้ปลายจมูกแบบเชิด หรือ แบบพุ่ง หรือกึ่งเชิด กึ่งพุ่ง หรือปลายธรรมชาติมีหยดน้ำเล็กน้อย ทั้งหมดนี้คือการตัดสินใจเรื่ององศาของปลายจมูกที่เราต้องการ ยกตัวอย่าง หากคุณเป็นคนที่มีปลายจมูกเดิมค่อนข้างงุ้ม คุณควรจะเลือกทำปลายเชิด ยกปลายให้สูงขึ้น หรือหากคุณมีปัญหาเรื่องจมูกหมู ที่มองเห็นรูจมูกชัดเกินไป ขัดกับหลักโหวงเฮ้ง แล้วนั้น การปรับปรุงปลายจมูกโดยใช้วิธีเสริมหยดน้ำก็จะช่วยทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดเช่นกัน
ข้อควรสังเกตุ 1 : เนื้อเยื่อปลายจมูก ควรสังเกตุดูว่าเรามีเนื้อเยื่อปลายจมูกเยอะ หรือ น้อย เช่นหากเราเป็นคนที่มีเนื้อเยื่อปลายจมูกมาก เราก็ย่อมสามารถทำปลายเชิด ความพุ่ง หรือ หยดน้ำ ได้มากกว่าคนที่มีเนื้อปลายจมูกน้อยเช่นกัน แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ก็เอื้ออำนวยเรื่องการเสริมเนื้อเยื่อพิเศษต่างๆ เพื่อให้เรามีอิสระในการเลือกทรงปลายจมูกได้มากขึ้นเช่นกัน
ข้อควรสังเกตุ 2 : เนื้อเยื่อบริเวณปลายจมูกมีจำนวนมากเกินไป ทำให้ดูจมูกกลมอ้วน ก็ควรพิจารณากำจัดออกบางส่วนเพื่อเวลาเสริมปลายจมูกแล้วจะได้ดูเป็นทรงมากขึ้น หลายครั้งที่ทุกคนละเลยเนื้อเยื่อส่วนนี้ไปเสริมจมูกออกมาแล้วเลยดูไม่ค่อยเป็นทรงตามแบบซักเท่าไร่ แต่ทั้งนี้การตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินปลายจมูกดังกล่าวเป็นงานที่ค่อนข้างแอดวานซ์ จะตัดมากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้ ฉนั้นหากมีปัญหานี้ ควรเลือกและศึกษาหาหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตัดเนื้อเยื่อปลายจมูกออกด้วยเช่นกัน
ข้อควรสังเกตุ 3 : ปีกจมูก คนเอเชียส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องปีกจมูกบานกว้างออกไปทำให้ดูจมูกแบน ไม่มีมิติ ดังนั้นหากดูตามหลักการ Golden Ratio แล้ว ถ้าปีกกว้าเกินไปก็ให้พิจารณาเรื่องการตัดลดปีกเอาไว้ด้วย
ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความสูงของจมูกที่เหมาะสมตามทฤษฎี Golden Retion
#Step 3 - เลือกวิธีการผ่าตัดเสริมจมูก
การเลือกวิธีการผ่าตัดนั้นจะตัดสินใจได้ง่ายมากหาเราได้วางแผนตาม step 1 และ 2 ข้างต้นมาแล้ว
วิธีผ่าตัดเสริมจมูก ตอนนี้มีอยู่ 3 วิธี คือ
3.1 การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอดีตถึงปัจจุบันเนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่จะมีแผลน้อยพักฟื้นได้ไว การเปิดแผลจะกรีด 1 ฝั่งของรูจมูกและมีความยาวเพียงแค่ 1-2 เซ็นตามแนวโครงสร้างของจมูก การกรีดจะเป็นลักษณะครึ่งวงกลมหลังจากนั้นก็จะทำการเลาะเนื้อเยื่อเปิดเข้าไปเพื่อเคลียร์ช่องจมูก และสอดซิลิโคนเข้าไป วิธีการนี้ไม่สามารถเห็นโครงสร้างทั้งหมดของจมูกได้หากต้องการปรับปรับเรื่องโครงสร้างกระดูกหรือปรับเพิ่มลดเนื้อเยื่อวิธีนี้ก็จะไม่สามารถทำได้
3.2การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมานี้วิธีการเสริมจมูกแบบเปิดเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งเมืองไทยและต่างประเทศเนื่องจากวิธีนี้ทำออกมาสวยโดนใจ เพราะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด การกรีดแผลจะทำการกรีดทั้งสองฝั่งของบริเวณจมูกซึ่งจะเป็นรูปการกรีดคล้ายๆรูปตัวเอ็มมีลักษณะครึ่งวงกลมของรูจมูกทั้ง 2 ฝั่งและกรีดส่วนกลางแนวกลางจมูกเพื่อเปิดเนื้อขึ้น และทำเห็นโครงสร้างทั้งหมด และทำงานง่ายแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมทั้งหมดไม่ว่าการปรับโครงสร้างกระดูกหรือตัดแต่งเนื้อเยื่อรวมไปถึงการเลาะซิลิโคนเหลวรวมถึงการตกแต่งเนื้อปลายจมูกและยืดผนังกั้นจมูกก็จะใช้วิธีเสริมจมูกด้วยวิธีการเปิดทั้งสิ้น
3.3การเสริมจมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-open Rhinoplasty)
จะเป็นการเปิดแผลให้คล้ายวิธีแบบปิดแต่ว่าจะไม่เปิดแผลทั้ง 2 ฝั่งจะกรีดครึ่งวงกลมของรูจมูกทั้ง 2 ข้างแต่ไม่กรีดเนื้อตรงกลางเชื่อหากัน เทคนิคนี้จะสามารถช่วยจัดการเรื่องโครงสร้างได้มากกว่าวิธีแบบปิดและยังเป็นที่นิยมสำหรับเทคนิคการเย็บอินเตอร์โดมอีกด้วยเนื่องจากพอจะเห็น โครงสร้างของกระดูกอ่อนมากขึ้นแต่ยังไงแล้ววิธีนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการยืดผนังกั้นจมูกได้รวมถึงการเลาะและขูดสารเหลวออกได้
#Step 4 - วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเสริมจมูก
ซิลิโคน
ซิลิโคนมีหลายยี่ห้อหลายรูปแบบทั้งของอเมริกาของเกาหลีและของจีน ควรศึกษารู้จักซิลิโคนไว้เบื้องต้น เพราะข้อมูลส่วนนี้ควรนำไปเป็นคำถามตอนปรึกษาหมอ จะได้คำนวณความคุ้มค่าในการลงทุนในการเสริมจมูกครั้งนี้ บริเวณสันจมูกหากไม่ได้เสริมด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงตัวเอง เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้ซิลิโคนในส่วนนี้ (เว้นแต่จะไม่ได้เสริมสันจมูก) ซิลิโคนบางรุ่นเป็นแบบสำเร็จรูป บางรุ่นมีไว้เพื่อให้หมอเหลาตามโครงสร้างของจมูก ความแข็ง ความนิ่มก็ต่างกัน
กอร์เท็กซ์
เป็นวัสดุทางการแพทย์ที่นิยมใช้ทำหลอดเลือดเทียม สามารถยึดติดกับเนื้อเยื่อโดยรอบของร่างกายได้ดีจึงมีการนำมาใช้ในการเสริมจมูกแทนซิลิโคน เพื่อป้องกันการกัดจมูกเบี้ยวแต่ข้อเสียของกอร์เท็กซ์นี้ก็คือนานๆจะมีการยุบตัวลงไปทำให้ไม่โด่งเหมือนตอนทำในช่วงแรก ๆ และหากจะต้องทำการแก้ไขผ่าตัดก็จะเอาออกค่อนข้างยากเนื่องจากกอร์เท็กซ์จะผสมผสานกับเนื้อเยื่อ และการนำออกจะต้องมีการตัดส่วนเนื้อเยื่อ และอาจจะมีการติดเชื้ออย่างรุนแรงกว่าการใช้ซิลิโคน
กระดูกอ่อนมาจากใบหู
มีคุณสมบัติเหมือนกระดูกอ่อนที่ปลายจมูก ในการเสริมจมูกแบบโอเพ่นจะใช้กระดูกอ่อนจากใบหูเสริมและปรับโครงสร้างของปลายจมูกทำให้ปลายจมูกสูงขึ้นหรือยาวขึ้น แทนการใช้ซิลิโคนเสริมปลายจมูกแบบในอดีตและทำให้ปลายจมูกไม่มีซิลิโคนเลยและลดปัญหาปลายจมูกทะลุอีกด้วย แต่หากมีการเอากระดูกอ่อนจากใบหูมาเย็บคลุมปลายซิลิโคนเพื่อป้องกันการทะลุ แต่ทำสูงมากเกินไป ก็จะมีความเสี่ยงในการทะลุอยู่ดี
กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก
นิยมใช้เสริมจมูกแบบเปิด มักจะใช้ในกรณีที่คนคนที่มีจมูกปลายสั้นมากๆและต้องการทำเทคนิคยืดผนังกั้นจมูกเพื่อช่วยให้จมูกยาวขึ้นแต่ก็มีข้อเสียคือปลายจมูกจะค่อนข้างแข็งแล้วขยับตัวได้น้อยลง
กระดูกอ่อนซี่โครง
บริเวณซี่โครงจะมีกระดูกอ่อนปริมาณมากมีความแข็งแรงกว่ากระดูกอ่อนจากใบหูและผนังกั้นจมูกสามารถนำมาเสริมได้ทั้งสันจมูกและปลายจมูก ส่วนมากเลือกใช้ในกรณีที่คนไข้ต้องการใช้เนื้อเยื่อของตัวเองล้วนๆหรือมีอาการแพ้ซิลิโคนและสิ่งแปลกปลอม การใช้กระดูกอ่อนซี่โครงจะลดปัญหาการติดเชื้อและต่อต้านของร่างกายได้เป็นอย่างดีแต่ก็จะมีข้อเสียว่าจะมีแผลบริเวณใต้หน้าอกเพิ่มและปลายจมูกค่อนข้างแข็งกว่าการใช้กระดูกอ่อนจากใบหูและผนังกั้นจมูก
เนื้อเยื่อจากขมับ
จะใช้เนื้อเยื่อขมับเหนือใบหูโดยเลือกใช้ชั้นที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อมาเล็กน้อยจากนั้นนำมาห่อซิลิโคนก่อนจะนำไปเสริมจมูกหรือนำมาวางทับบนกระดูกอ่อนหลังใบหูตรงปลายจมูกเหมาะกับคนไข้ที่มีผิวจมูกที่บางหลังจากใช้เนื้อเยื่อขมับเหนือใบหูนี้จะลดปัญหาการเห็นซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนปลายจมูกหลังผ่าตัด
เนื้อเยื่อจากก้นกบ ไขมันหนังแท้
เป็นเทคนิคพิเศษเปรียบเสมือนการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อของตนเองมีคุณสมบัติสามารถช่วยยืดจมูกให้ยาวขึ้นเพิ่มมิติได้ปลายพุ่งแก้ไขปัญหาคนที่ปลายจมูกบางเนื้อน้อยป้องกันการทะลุ แล้วยังนิยมใช้สำหรับคนที่ใช้ซิลิโคนมาหลายครั้งเนื้อไม่รับกับซิลิโคนหรือสารแปลกปลอมอื่นๆแล้ว ซึ่งวิธีนี้จะปลอดภัยและทำให้เกิดภาวะต่อต้านน้อยที่สุด เนื้อเยื่อที่นำมาใช้คือเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันใต้สุดของชั้นผิวหนัง
เนื้อเยื่อเทียมหรือที่เรียกอีกคำว่าเนื้อเยื่อบริจาค
มีคุณสมบัติเหมือนเนื้อหนังแท้ๆของตัวเองแต่ได้มาจากผิวหนังของผู้บริจาคหรือใช้เนื้อเยื่อจากสัตว์แล้วนำไปผ่านกระบวนการเพื่อเอาเซลล์เก่าออกให้หมดมักจะนำมาใช้แก้ไขหรือเสริมบริเวณที่มีปัญหาเนื้อบางทั้งสันจมูกและปลายจมูกหรือเอามาคลุมบริเวณซิลิโคนหรือเอามาคุมซิลิโคนบริเวณปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุแต่ถ้าเสริมซิลิโคนที่ปลายจมูกมากเกินไปก็สามารถทะลุได้เช่นกัน
เนื้อเยื่อเทียม ADM หรือ ACDM (Acellular dermal matrix)
เป็นทางเลือกใหม่ของวัสดุในการใช้การเสริมปลายจมูกและสันจมูกเหมาะสมกับคนที่ไม่มีกระดูกอ่อนของตนเองเหลือแล้ว เนื่องจากการผ่าตัดหลายครั้ง หรือต้องการที่จะใช้กระดูกอ่อนของตนเองเนื้อเยื่อเทียมสามารถประยุกต์ใช้ในการรองปลายกระดูกอ่อนหรือซิลิโคนให้กับปลายจมูก เนื้อเยื่อ ADM คือสารธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการทางไบโอเทคเทคโนโลยี ปรับโครงสร้างทางชีวเคมีและโครงสร้างเนื้อเยื่อให้เหมือนกับผิวหนังแต่ไม่มีเซลล์ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการต่อต้านของร่างกาย แถมช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อผิวตามธรรมชาติ แต่ก็จะมีราคาสูงกว่าซิลิโคนและต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์สูง
PCL Mesh
ลักษณะเป็นแผ่นตาข่ายที่เกิดจากเทคโนโลยี 3D printing เมื่อใส่เข้าไปในร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์กระดูกเข้ามาแทนที่จากนั้น PCL Mesh จะสลายไปเองจึงนำมาใช้ทดแทนการใช้กระดูกอ่อนจากร่างกายของเรา แต่วัสดุนี้พึ่งนำเข้ามาใช้ในวงการแพทย์เพียงไม่กี่ปี จากงานวิจัยเกี่ยวกับผลลัพธ์ของวัสดุประเภทนี้ก็ยังไม่ทราบชัดเจนว่าระยะยาวจะเกิดผลแบบไหนกับร่างกาย และเมื่อไม่นานมานี้โรงพยาบาลชื่อดังทางเกาหลีได้ออกมาระบุด้วยว่า PCL Mesh สามารถกัดกร่อนกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก พูดง่ายๆ คือ ทำให้ผนังกั้นโพรงจมูกบางลง จึงมีหลายคลินิกที่ออกมาต่อต้าน และเลือกที่จะไม่ใช้วัสดุ PCL Mesh ในการเสริมจมูกด้วยเช่นกัน
สเต็มเซลล์ (แก้ปัญหาจมูกรั้ง)
การเสริมจมูกด้วยสเต็มเซลล์เหมาะกับผู้ที่มีอาการจมูกทะลุหลังจากที่ทำจมูกมาแล้ว หรืออาการจมูกไม่นิ่มและปลายจมูกรั้งขึ้น สาเหตุที่รั้งขึ้นจะมาจากการยืดหดของผังผืดในจมูก บางรายมีอาการอักเสบมาด้วย หากใช้วิธีนี้คนไข้จะต้องนำเอาซิลิโคนออกก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาเนื้อเยื่อจมูกอักเสบแล้วใช้สเต็มเซลล์จากร่างกายตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ฉีดกลับเข้าไป วิธีนี้จะต้องใช้ร่วมกับเนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเองในการทำให้จมูกสูงขึ้นอีกด้วยเพื่อป้องกันแก้ไขจมูกอักเสบหรือทะลุอีกด้วย
New #Step 5 เทคนิคการเลือกหมอ
หลังจากรู้ปัญหาสิ่งที่เราอยากจะแก้ไขแล้ว ก็ง่ายที่จะกำหนดทิศทางในการเลือกหาหมอที่มีฝีมือ และความสามารถในการแก้ไขในจุดนั้นๆ (ทำจมูกกับหมอไหนดี หมอไหนเก่ง)
ควรจะหารายชื่อหมอที่สนใจไว้พิจารณา 3-5 แล้วทำการหาข้อมูลว่าหมอดังกล่าวนั้น ได้จบอะไรมา จบหมอศัลยกรรม หรือ เปล่า หรือจบเพียงหมออายุรกรรม หู คอ จมูก หากจบหมอศัลยกรรมจะต้องมีใบอนุญาติตามกฎหมาย (วิธีเช็คใบอนุญาติผ่าตัดศัลยกรรมของหมอในไทยและเกาหลี)รวมถึงประวัติการเสริมจมูกว่าทำมานานแล้วรึยัง ทำมาแล้วกี่เคส
หลังจากนั้นให้ลองค้นหาขอดูรีวิว ว่าเราชอบผลงานหมอไหม หาดูว่าเข้าที ให้ลองติดต่อเข้าไปสอบถาม หากได้ลองพูดคุยกับหมอก็เป็นเรื่องที่ดี ดูว่าเราคุยกันเข้าใจไหม หมอมีการอธิบายสื่อสารขั้นตอนวิธีการให้เราได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ไหม หมอจะผ่าตัดใช้วัสดุอะไรให้เรา หมอจะวางยาสลบหรือยานอนหลับ ใช้เวลาในการผ่าตัดนานเท่าไหร่ ถามเถอะค่ะ เพื่อความมั่นใจก่อนการตัดสินใจ
อย่าลืมที่จะสอบถามเรื่องafter services การบริการลูกค้าหลังผ่าตัดด้วยนะคะว่ามีอะไรบ้าง รวมถึงการการันตีหากมีการผิดพลาดทางการแพทย์ หรือ เกิดการอักเสบ หรือ คีรอยด์ ด้วยจ้า
ราคาของหมอแต่ละท่านก็เป็นไปตามกลไกของตลาด ยิ่งดังมาก ยิ่งทำเก่งมาก ราคาก็ย่อมสูงตามเช่นกัน
ทั้งนี้ ก็อย่าลืมพิจารณาสถานประกอบการของหมอด้วยเช่นกัน หากเป็นคลินิค หรือ โรงพยาบาลก็ควรจะมีความสะอาด ปลอดภัย มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
#Step 6 - การวางแผนค่าใช้จ่าย
หากเลือกหมอได้ 3-4 ท่านตาม ข้อ 5 แล้ว ก็ควรจะเปรียบเทียบราคาตลาดดูว่า ควรจะอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
ไม่ว่าจะทำจมูกที่ไทยหรือเกาหลี ล้วนแล้วแต่มีราคาจากหลักพันบาท ถึง หลักหลายแสนบาทด้วยกัน ขึ้นอยู่กับระดับฝีมือ และความโด่งดัง และเป็นหมอที่ต้องการของใครหลายๆคนด้วยหรือปล่าว
รวมถึเทคนิคที่ต้องทำร่วมกับการเสริมจมูก ง่ายๆ คือ คนเสริมครั้งแรก จะราคาถูกกว่าคนไปแก้จมูก หรือคนที่เสริมอย่างเดียว ไม่ตัดปีกจมูก ย่อมราคาถูกกว่าคนที่เสริมพร้อมตัดปีกจมูกนั่นเอง
เราได้รวบรวมราคา งบประมาณค่าใช้จ่าย คร่าวๆ ของคลินิคชื่อดังในไทย และ เกาหลี ประจำปี 2021 มาให้ดูคร่าวๆ เพื่อการวางแผนเก็บเงินไว้ข้างล่างนี้ด้วย
**ราคาดังกล่าวเป็นราคาประมาณการ หากต้องการราคาที่แม่นยำแนะนำ แอดไลน์นี้ @ski.may เพื่อสอบถามราคา หรือจะติดต่อสอบถามโดยตรงกับคลินิคนั้นๆ ได้โดยตรงเช่นกัน

